Luanshan Forest Culture Museum เดินป่ากับชนเผ่าปู้หนง

ทริปนี้เป็นการตามเพื่อนชาวไต้หวันไปเที่ยวที่ภูเขา Dulan ขับรถจากไถตงไปประมาณ 40 นาทีค่ะ รู้ล่วงหน้าแค่ว่าจะไปทัวร์ธรรมชาติกับชาวพื้นเมืองเผ่าปู้หนง (Bunan) ซึ่งเป็น 1 ใน 16 ชนเผ่าชาวอะบอริจินจากเกาะมหาสมุทรแปซิฟิก ที่มาตั้งรกรากในไต้หวันก่อนที่ชาวจีนจะอพยพเข้ามาทีหลัง ต่อมาในยุคที่ญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน ชนเผ่าปู้หนงถูกไล่ขึ้นไปอยู่บนเขาที่ตั้งหมู่บ้านลวนซาน (Luanshan) หรือชื่อ Sazasa ในภาษาเผ่าที่แปลว่า ถิ่นของต้นอ้อยสูง สัตว์เริงร่า และผู้คนอยู่ดีกินดี   

Luanshan Forest Culture Musuem ตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์ผืนป่าและวัฒนธรรมของชนเผ่าปู้หนง ชนเผ่าผู้ก่อตั้งมิวเซียมได้ระดมเงินซื้อผืนป่าบ้านเกิดตัวเองก่อนที่จะถูกกว้านซื้อจากนายทุน รายได้ของมิวเซียมก็ถูกเอาไปโปะหนี้ตรงนี้

หัวหน้าทัวร์ของเราเป็นชาวเผ่าปู้หนงที่อารมณ์ดีสุดๆ ปล่อยมุกให้ลูกทัวร์ได้หัวเราะเป็นระยะๆ ลูกทัวร์มีทั้งหมด 10 กว่าครอบครัว ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทุกครอบครัวขับรถมาจอดที่จุดนัดพบหน้าสถานีตำรวจ Luansan ประมาณ 9 โมงเช้า รอจนได้เวลาเริ่มทัวร์ หัวหน้าก็ปรากฏตัวเล่าประวัติความเป็นมา แล้วพวกเราก็ขับรถขึ้นเขาตามกันไปเป็นขบวนเพื่อไปยังจุดหมายจุดแรก คือ ไปดูต้นไม้เดินได้

จุดแรก ต้นไม้เดินได้

รถทยอยจอดกันตามไหล่ทาง แล้วเริ่มเดินเท้าเข้าป่า ในเวลาไม่กี่นาทีก็ไปถึงถิ่นของต้นไม้เดินได้ (white banyan)

ตอนที่ชนเผ่าปู้หนงอพยพเข้ามาอยู่ที่นี่ ก็เจอต้นไม้เดินได้แล้ว พวกเขาเรียกมันว่า `ต้นไม้หลายขา´ ต้นไม้เดินได้มีรากอากาศห้อยลงมาจากกิ่งและลำต้น พอรากหยั่งถึงดินก็จะโตกลายเป็นต้นใหม่ ที่โตห่างออกจากต้นเดิมไปเรื่อยๆ จากรุ่นสู่รุ่น จนสืบสาวไปไม่ได้เลยว่าต้นบรรพบุรุษต้นแรกนั้นเกิดเมื่อไร ส่วนเจ้าของตัวจริงของป่าผืนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นต้นไม้และบรรดาสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ที่นี่นั่นเอง

หัวหน้าทัวร์

จุดที่ 2 เข้าหมู่บ้าน

จากนั้นพวกเราขับรถตามกันไปที่หมู่บ้านชนเผ่าปู้หนงที่ปราศจากไฟฟ้าและแก๊ส ระหว่างเดินเข้าหมู่บ้าน จะมีคนในหมู่บ้านยืนต้อนรับสวัสดี และแจกไม้เสียบชิ้นหมูป่าชิ้นเล็กๆ มาให้ลองย่างเล่นในกองฟืน ได้ลองชิมชาสมุนไพรกับไวน์ข้าว (millet wine) ที่ชนเผ่าทำเอง 

สักการะบรรพบุรุษ ก่อนผจญภัยในป่า

จากนั้นเป็นพิธีทำความเคารพบรรพบุรุษเจ้าป่าเจ้าเขาให้ช่วยปกป้องคุ้มครอง โดยการถวายหมากและไวน์ข้าว ที่ลูกทัวร์ต้องเตรียมกันมาเอง พอเสร็จพิธีก็ได้เวลาเข้าไปผจญภัยเบาๆ ในป่ากับเส้นทางนักล่า ซึ่งต้องเดินตามกันไปทีละคน มีทั้งการไต่เชือกปีนหน้าผาสูง 10 เมตร เดินลอดช่องแคบ เดินบนรากไม้และโขดหิน ระหว่างทางเดินมีเชือกขึงไว้ให้เดินจับไปตลอดทาง จนไปสุดที่ต้น banyan พันปี

ผจญภัยเสร็จก็มานั่งพักชมวิว รอลูกทัวร์คนอื่น และรอเวลาอาหารกลางวัน

อาหารมื้ออร่อย

(แม้จะผ่านมา 4 ปีแล้ว แต่สิ่งที่ประทับใจไม่ลืมเลยคือ อาหารของชนเผ่าอร่อยมาก อร่อยทุกอย่างแม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่สัมผัสได้ว่าเป็นอาหารธรรมชาติที่ไม่ได้ปรุงแต่งอะไรมากมาย)

พวกเราไปรวมตัวกันที่ศาลาไม้เพื่อทานอาหารกลางวัน ซึ่งต้องเตรียมช้อนและจานมาเอง ชนเผ่านำข้าวสวยร้อนๆ มาวางบนโต๊ะกลางขนาดยาว แล้วเรียกให้สุภาพบุรุษรวมทั้งเด็กชายมาตักข้าวให้สุภาพสตรี จากนั้นก็เป็นหน้าที่สุภาพบุรุษที่ไปช่วยกันยกอาหารกว่ายี่สิบจานมาวางบนโต๊ะ โดยที่สุภาพสตรีไม่ต้องออกแรงทำอะไรเลย ชนเผ่าปู้หนงเขาให้เกียรติผู้หญิงมากๆ

พอกินข้าวเสร็จ พวกเราได้ช่วยกันตำแป้งโมจิในครกขนาดใหญ่ ซึ่งกลายเป็นของหวานตบท้าย

ปลูกต้นไม้ก่อนจาก

การเดินทางครั้งนี้ปิดท้ายด้วยการปลูกต้นไม้ เพื่อตอบแทนโลกที่เป็นบ้านของพวกเราทุกคน เด็กๆ ได้ช่วยกันรดน้ำ ทุกคนมายืนล้อมวงกันเปล่งเสียง อี โอ อา สูงต่ำ ประสานกันเป็นเพลง Pasibutbut เพลงประจำชนเผ่าปู้หนานที่ได้แรงบันดาลใจจากจากเสียงผึ้ง เสียงน้ำตก และเสียงป่าไผ่ป่าสนค่ะ 

ทัวร์กับชนเผ่าปู้หนงต้องจองล่วงหน้าที่เว็บของ Luanshan Forest Culture Museum 

http://www.forestculturemuseum.com.tw


(เดินทาง June, 2018)